หมวด : รีวิวเกมมือถือ เมื่อ :
ถ้าจะเอ่ยถึงเกมต่อสู้อันดับต้น ๆ ที่เคยสร้างความนิยมในสมัย PlayStation ชื่อของ Virtua Fighter น่าจะคุ้นหูใครหลาย ๆ คนแน่นอน เพราะมันคือซีรีส์เกมต่อสู้ที่มีมาตั้งแต่ 1993 และเป็นเกมต่อสู้เกมแรก ๆ ที่นำเสนอความเป็น 3D ในยุคที่ผู้คนยังเล่นเกม 2D กันอยู่
ในช่วงหลายปีมานี้ แม้ Virtua Fighter จะเผชิญกับปัญหาคู่แข่งที่แข็งแกร่งมากในตลาดเดียวกัน แต่พวกเขาก็ยังพยายามยืนหยัดปล่อยเกมออกมาเรื่อย ๆ ล่าสุดก็ Virtua Fighter 5 R.E.V.O. ที่เพิ่งวางขายไม่นานนี้เอง มาดูกันว่ามันมีอะไรเปลี่ยนไปจากเวอร์ชันปกติ รวมถึงมันน่าเล่นยังไงบ้าง ในบทความรีวิวนี้
ไม่มีเรื่องราวที่มา เดินหน้าใส่กันลูกเดียว
เรื่องราวของ Virtua Fighter จะเล่าเกี่ยวกับ World Fighting Tournament หรือศึกต่อสู้ชิงแชมป์โลก ศึกที่ผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ต่าง ๆ จะมาดวลกันเพื่อวัดว่าศิลปะการต่อสู้ของใครเป็นที่หนึ่ง แต่ละภาคก็จะมีลำดับการแข่งขันไม่เหมือนกัน อย่างใน Virtua Fighter 5 ก็จะเป็นการแข่งขันครั้งที่ 5 โดยเนื้อเรื่องในภาคนี้จะยังวนอยู่กับการพูดถึง Judgement 6 หกบริษัทลึกลับที่ก่อตั้งการต่อสู้ขึ้นมาเพื่อพัฒนาอาวุธแอนดรอยด์ Dural มาให้เราตบทุกภาค วนเวียนอยู่แบบนี้มาห้าภาคแล้วติดต่อกัน
ฉะนั้นช่างหัวเนื้อเรื่องมัน เอาเป็นว่าทุกอย่างมาลงท้ายด้วยการต่อสู้กันของนักสู้ 17 คน ที่จะชิงชัยว่าใครกันแน่คืออันดับหนึ่ง แน่นอนว่าไม่มีอะไรแฟนตาซี เพราะคนพวกนี้ซัดกันด้วยศิลปะการต่อสู้จริงล้วน ๆ และในภาคนี้ “ไม่มีโหมดเนื้อเรื่อง” ในฝั่ง PVE มีเพียง Arcade กับ Offline Battle ให้เราเล่นเพียงเท่านั้น เพราะเขาโฟกัสกับการเล่นออนไลน์มากกว่า
ขุมพลังจาก Dragon Engine
สิ่งที่ทำให้ Virtua Fighter 5 R.E.V.O. ดูโดดเด่น คือการหยิบ Dragon Engine จากซีรีส์ Like a Dragon มาพัฒนาเกมนี้ ถ้าใครเคยเล่นเกมข้างต้น คงพอจะรู้ว่าฟิสิกส์มันวายป่วงขนาดไหน ยิ่งมาอยู่ในเกมต่อสู้แล้ว สิ่งเหล่านี้ยิ่งแสดงพลังออกมาได้อย่างเด่นชัด โดยเฉพาะเรื่องกราฟิกที่เวลาลดสเกลให้เหลือพื้นที่เล็ก ๆ แล้ว กลายเป็นว่าสวยงามกว่าเดิมอย่างมาก แถมไม่ยุ่งกับประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ของเราด้วย เรียกได้ว่าแค่ RTX 3060 ก็เอาอยู่
การออกแบบตัวละครใน Virtua Fighter ต้องบอกว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่แล้ว อาจจะต้องเว้นพระเอกเอาไว้สักคนนึง (ฮา) นอกนั้นถือว่าผ่าน ในภาคนี้ด้วยเอนจินที่ใช้ เราเลยได้อานิสงค์ด้านการแสดงสีหน้ามาค่อนข้างเยอะ เรื่องรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างงานผ้า งานชุดพริ้วปลิวสไวถือว่าผ่านอย่างแรง พวกฉากต่อสู้มีความหลากหลายและสวยงามไม่แพ้กัน แต่ละฉากมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป เช่น ฉากที่อยู่ในป่า ฉากในเมือง หรือฉากที่อยู่ในวัด ต่างก็ออกแบบมาได้อย่างใส่ใจในรายละเอียด แต่เท่าที่เข้าใจคือถ้าคนเล่นเกมต่อสู้ เราไม่มีเวลามานั่งดูอะไรพวกนี้หรอก เพราะต้องสู้ตลอดเวลา เดี๋ยวตกเวทีมาจะยุ่งเอา
สิ่งที่รู้สึกว่ายังไม่ผ่าน คือเรื่องของอิมแพคในการเล่นที่ยังไม่มากเท่าไหร่ หากเราดูคู่แข่งอย่าง Tekken หรือ Street Fighter เรื่อง Presentation ที่สร้างอิมแพคในการเล่นคืองานถนัดของทั้งสองเกม มันมีวิชวลบางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ บอกเราให้รู้เลยว่าเรากำลังเล่นเกมไหนอยู่ อย่าง Tekken ก็จะมีช็อตซูม ช็อตหน้าจอเขย่า ช็อตเพลงเงียบในเวลาสำคัญ แต่ Virtua Fighter ไม่มีอะไรแบบนั้น จะสู้จะตายเพลงเดียวกัน มุมกล้องเดียวกันจนชนะ
ไม่มีปล่อยพลัง ไม่มีปาของ หมัดปะทะหมัด
จุดเด่นของ Virtua Fighter ที่มีมาตั้งแต่ภาคแรกเลยคือ มันไม่ใช่ซีรีส์ที่มีทางเลือกให้ผู้เล่นมากนัก ถ้าคุณเล่นซีรีส์อื่น คุณจะพอเข้าใจว่า เกมให้ช้อยส์การโจมตีกับการป้องกันมาหลายแบบมาก ทำให้เราต้องใส่ใจในกลยุทธ์ แต่ใน Virtua Fighter มันเรียบง่ายกว่านั้นมาก ถ้าเกมอื่นเป็นค้อนกรรไกรกระดาษ เกมนี้คือค้อนกับค้อนปะทะกัน จุดที่ทำให้ชนะคือใครเข้าใจมากกว่า ระยะดีกว่า ใจเย็นมากกว่า คล้ายกับกว่าเรากลับไปเล่นเกมต่อสู้เบสิกบนเครื่องอาร์เคด ซึ่งเราคิดว่าจุดประสงค์ของเกมมันคือแบบนั้น
แต่ละตัวละครมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนนี่คือต่างกันอย่างมาก ทั้งเรื่องสปีดการเข้าทำ จังหวะคอมโบ หรือท่าพิเศษต่าง ๆ คุณจำเป็นต้องเล่นตัวละครนั้น ๆ เป็นระยะเวลาค่อนข้างนานทีเดียวกว่าจะเข้าใจมัน และถ้าหากเปลี่ยนตัวละครเล่น ก็ต้องรีเซ็ตวิธีการเล่นใหม่แทบทั้งหมด ไม่เหมือน Tekken ที่ถ้าหากจำคอมโบ หรือจังหวะเข้าทำง่าย ๆ ได้ ก็สามารถเล่นได้ทุกตัวแบบไม่ค่อยมีประสิทธิภาพได้เหมือนกัน แต่กับ Virtua Fighter แล้ว การเล่นไม่ได้หมายถึงเล่นไม่ได้เลยจริง ๆ
จุดแข็งของภาคนี้คือการเล่นออนไลน์ เพราะเขาจัด Rollback Netcode มาแบบตึง ๆ มีทั้งโหมด Rank, Tournament แถมให้สร้างห้องใส่หน้ากันแบบเปิดเผยได้อีก จากการทดลองเล่นออนไลน์ด้วยอินเทอร์เน็ตที่ไม่แรงมาก (ประมาณ 10mb) ก็พบว่าการเชื่อมต่อไม่ได้แย่เลย สามารถเล่นได้ตั้งแต่ต้นจนจบโดยมีอาการกระตุกน้อยกว่า Tekken
แต่นี่ก็ยังไม่พอที่จะทำให้ติดพัน เพราะ Virtua Fighter 5 R.E.V.O. เหมือนจะเน้นการเล่นออนไลน์จนเกินไป จนตัดฟีเจอร์ PVE ออกไปแทบจะหมดทุกอย่าง มีเพียงโหมดการเล่นให้เราซ้อมมือเท่านั้น ฉะนั้นราคา 600 บาท กับการเล่นออนไลน์เพียงอย่างเดียว ดูจะ “มากไปหน่อย” เมื่อเทียบกับสองเกมคู่แข่งที่มีเพียบพร้อมทุกอย่าง โดยเฉพาะ Street Fighter 6 ที่เน้นทั้งในส่วนของ PVE และ PVP แถมดีทั้งคู่ ฉะนั้นใครที่เป็นขา PVE ไม่ชอบซัดกับชาวบ้าน ก็บอกกันตรงนี้ตัวโต ๆ ว่า Virtua Fighter 5 R.E.V.O. มีแค่อาร์เคดให้คุณเล่น
ยังคงสนุกแม้ไม่เพียบพร้อม
Virtua Fighter 5 R.E.V.O. อาจจะไม่ใช่การกลับมาที่ “แมส” และ “สมศักดิ์ศรี” อะไรมากเท่าไหร่นัก แต่มันคือเกมเวอร์ชันใหม่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อไม่ให้คนลืมว่ายังมีซีรีส์นี้อยู่ แน่นอนว่ามีคนชื่นชอบมันอยู่จำนวนมาก เพราะห้องในเกมก็ไม่ได้หายากขนาดนั้น แต่ถ้าเทียบกับซีรีส์อื่น ๆ ในตลาดตอนนี้ ต้องบอกว่ายังมีรายละเอียดอีกมากที่เกมนี้ยังต้องปรับปรุง
แต่ถ้าหากคุณชื่นชอบ Virtua Fighter และเล่นมันมาตั้งแต่ภาคแรก นี่คือการกลับมาครั้งสำคัญเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าซีรีส์นี้ยังมีจุดยืนในตลาดอยู่ ถ้าคุณรักมันจริง ซื้อสิครับรออะไร!