"ความคิด" คือสิ่งที่ปรากฏขึ้นภายในใจ ซึ่งเกิดจากการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ หรือเกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีในสมองอย่างถี่ถ้วนแล้ว
แน่นอนว่าความคิดของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน เพราะกระบวนการคิด ข้อมูล และวิถีชีวิตของแต่ละคนไม่มีทางเหมือนกัน วันนี้ผมจึงอยากจะมาชวนทุกท่านคุยกันเรื่อง
"ความคิด" ของพวกเราเหล่าเกมเมอร์ที่
ส่งผลต่อพฤติกรรมการเล่นเกมกันครับ
ในยุคสมัยของเกมออนไลน์ ความคิดของเกมเมอร์อย่างพวกเราคือเกมไหนเปิดมาก็เล่นหมดไม่มีเลือกปฏิบัติ แล้วถ้าถูกใจเกมไหนเป็นพิเศษค่อยลงหลักปักฐานไปยาว ๆ โดยการลงหลักปักฐานนี้หมายถึงการวางแผนเก็บเลเวล ล่าบอส ทำบัญชีค่ายาค่าอุปกรณ์ หาแนวทางการเล่นดี ๆ จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ตัวละครของเราในอีก 5 ปีหรือ 10 ปีข้างหน้าเทพอย่างที่ควรจะเป็น
เกมเมอร์ยุคใหม่อาจจะถามว่า
ทำไมเราวางแผนยาวขนาดนั้น? เพราะสมัยก่อนการเก็บเลเวลแต่ละเลเวลนั้นมันยากลำบากมาก ๆ ที่สำคัญคือถ้าตัวละครของเราตาย
ค่าประสบการณ์จะลดด้วย!! บางเกมถ้าเราตายตอนเพิ่งเลเวลอัปใหม่ ๆ คือเลเวลลดเลยไม่มียกเว้น
เพราะฉะนั้นการวางแผนต่าง ๆ จึงคิดกันไปไกลขนาด 10 ปี เพราะคิดว่าจะเล่นเกมกันยาว ๆ ไม่ไปเกมอื่นแล้วทั้งชีวิต
ทว่าก็มีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น...การประกาศปิดเซิร์ฟเวอร์ในสมัยนั้นเป็นสิ่งที่เกมเมอร์อย่างพวกเราไม่คาดคิดว่าจะได้เจอมาก่อน และถ้ามันเกิดขึ้นกับเกมที่ตัวเองกำลังเล่นแล้วก็ยิ่งใจหายใหญ่เลย เพราะนั่นหมายความว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราลงทุนลงแรงไปทั้งหมดจะหายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ความคิดที่ว่าอยากจะเล่นเกมนี้ไปจนแก่ กลายเป็น
"เราจะเล่นเกมอย่างจริงจังไปทำไม"พอความคิดเปลี่ยนไป ก็ส่งผลให้พฤติกรรมการเล่นเกมเปลี่ยนไปด้วย สิ่งที่เปลี่ยนไปได้ชัดเลยคือ
ความจริงจังในการเล่นลดลงไปอย่างมาก เราเลือกที่จะเล่นไปวัน ๆ โดยรู้ว่าซักวันหนึ่งเกมนี้ก็ต้องปิดอยู่แล้ว พอเราคิดแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ความสนุกในการเล่นก็จะลดลง จนมีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวว่า
"เกมมันก็แค่ข้อมูล ซักวันก็ต้องโดนลบ แล้วเราจะเล่นไปทำไมกันนะ?" แล้วก็ลงเอยด้วยการเลิกเล่นไปในที่สุด
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเริ่มมีเกมออนไลน์ปิดตัวลงเกมแรก คือ
ยุคสมัยแห่งการล่มสลายของเกมออนไลน์ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างช้า ๆ เกมออนไลน์เซิร์ฟเวอร์ไทยทยอยปิดให้บริการไปทีละเกม
เหมือนโดมิโน่ที่ล้มเรียงกันเป็นแถบ ถามว่าผมรู้สึกอย่างไร ณ ตอนนั้นก็คงตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้วว่า
"เฉย ๆ" เพราะตอนนั้นความคิดผมคือ
"เกมก็แค่ข้อมูลที่รอวันลบ"หลังจากนั้นไม่นาน
เกมมือถือก็เริ่มเข้ามาสู่เมืองไทยและได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความที่เล่นง่าย และเล่นที่ไหนก็ได้ขอแค่มีอินเทอร์เน็ต ทำให้เกมเมอร์ส่วนใหญ่หันมาเล่นเกมมือถือกันหมด ในตอนนั้นความคิดของผมคือ
"เกมมือถือที่คนเล่นเยอะแบบนี้คงไม่มีทางปิดแบบเกมออนไลน์ง่าย ๆ หรอก" ผมจึงเริ่มกลับมามีพฤติกรรมการเล่นเกมแบบจริงจังอีกครั้งหนึ่ง
เทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วกว่าที่คิด เกมมือถือถูกพัฒนาและเปิดให้บริการนับร้อยเกม ทั้งแบบที่มีการโฆษณาตามสื่อเกมชั้นนำและที่เปิดขึ้นมาแบบไม่บอกใคร สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
เกมมือถือบางเกมเปิดต่อไม่ไหวจึงปิดตัวลงไป มีทั้งที่ปิดให้บริการแบบประกาศล่วงหน้า บางเกมก็ปิดหายไปเฉย ๆ ความคิดเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง ความจริงจังยังคงมีเช่นเดิม แต่คราวนี้ความคิดของผมคือ
"เราจะต้องเลือกเล่นเกมที่ให้บริการโดยผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่านี้"ผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือคืออะไร? คือผู้ที่ให้บริการเกมมือถือมาอย่างต่อเนื่อง มีเกมในเครือจำนวนมากที่เปิดมาอย่างยาวนานและไม่ปิดให้บริการ หากให้ผมยกตัวอย่างก็เช่น Gamevil, Com2uS หรือ Line Games เป็นต้น ถึงกระนั้นเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า
ในอนาคตอาจมีเกมจากผู้ให้บริการเหล่านี้ปิดไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่เปิดมาแล้วปิดทันทีอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นานก็มี
ปัจจัยบางอย่างที่ทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดจาก
การเล่นเกมแบบจริงจังมาเป็นหาเกมเล่นแบบเพลิน ๆ ก็พอ นั่นคือ
ภาระหน้าที่ในชีวิต การเรียนอันแสนสาหัสทำให้เวลาในการเล่นมือถือลดลง ส่งผลให้การเคลียร์พลังงานให้หมดในแต่ละวันกลายเป็นเรื่องลำบาก เมื่อความคิดเปลี่ยน พฤติกรรมก็จะเปลี่ยนตามมาทันทีคือผมเลือกที่จะเล่นเกมแบบไม่จริงจัง
เน้นลองให้รู้แล้วเลิก ถ้าถูกใจเกมไหนก็เล่นนานหน่อยแค่นั้นเองนานวันเข้าเวลาในการเล่นเกมก็ยิ่งหดหาย ขณะที่เกมสนุก ๆ ก็มีออกมาเรื่อย ๆ ชีวิตในฐานะเกมเมอร์แปรเปลี่ยนไปอย่างหนัก จากเดิมที่ได้ลองเล่นเกมไปเรื่อย ๆ
จนกลายเป็นดูคนอื่นเล่นแทน แล้วถ้าถูกใจเกมไหนค่อยลองเล่นเองเวลาว่าง ๆ แบบไม่จริงจังใด ๆ อาจจะจริงจังบ้างบางเกมแต่ก็ได้ไม่นาน ความคิดผมในตอนนั้นคืออะไรรู้ไหมครับ? คือ
"มีเวลาดูคนอื่นเล่นเกมก็ดีแค่ไหนแล้วเนี่ย"จะเห็นนะครับว่า
วิถีชีวิตส่งผลต่อความคิด และความคิดก็ส่งผลต่อพฤติกรรมเสมอ ในสมัยก่อนที่เราไม่เคยคิดว่าเกมจะมีปิดเซิร์ฟเวอร์ พฤติกรรมการเล่นของเราก็จะเป็นการเล่นเพื่อให้ตัวละครเราเทพไปเรื่อย ๆ แต่พอเกิดการปิดเซิร์ฟเวอร์เกมขึ้น ความคิดเราเปลี่ยน ส่งผลให้เราเริ่มจริงจังกับเกมน้อยลง เพราะเล่นไปยังไงซักวันหนึ่งเกมก็ต้องปิด
เรื่องเหล่านี้ถ้าเราไม่มานั่งทบทวนตัวเองดี ๆ แล้วละก็ เราจะไม่มีทางรู้ตัวเลยว่าความคิดเราเปลี่ยนไปจริง ๆหากจะสรุปสั้น ๆ ให้ได้ใจความ
ความคิดและพฤติกรรมของเกมเมอร์เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าวิถีชีวิตของเรากำลังเป็นอย่างไร และส่งผลกับความคิดมากน้อยแค่ไหนครับ แล้วเกมเมอร์ทุกท่านล่ะครับ
ตอนนี้ความคิดและพฤติกรรมในเล่นเกมเป็นอย่างไรบ้าง เปลี่ยนไปจากสมัยก่อนเยอะไหม? มาแสดงความคิดเห็นกันได้นะครับ ผมรออ่านความคิดของทุกคนอยู่นะ สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อนแล้ว สวัสดีครับ
อ่านชวนคุยเกมเมอร์ Episode ก่อนหน้าได้ที่นี่เลยจ้า