Corona Virus Disease 2019 หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า
COVID-19 เป็นโรคระบาดที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างช้า ๆ การระบาดของประเทศใดจะช้าหรือเร็ว ขึ้นกับ
มาตรการรับมือของภาครัฐและความร่วมมือของประชากรในประเทศเป็นสำคัญ มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์
Corrupted Blood Incident ขึ้นมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่
สะท้อนจิตสำนึกของคนได้ดีจนถึงขนาดสามารถนำไปทำวิจัยต่อได้ ดังนั้นในวันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึงเรื่องนี้กันครับ
Corrupted Blood Incident เกิดขึ้นในเกม World of Warcraft ในปี ค.ศ. 2005 โดยผู้พัฒนาเกมอย่าง Blizzard ได้ทำการอัปเดตบอสที่มีนามว่า Hakkar เข้าไปใน Raid Dungeon ใหม่เพื่อท้าทายเหล่านักรบผู้กล้า
Hakkar มีสกิลสุดน่ากลัวนามว่า
Corrupted Blood ที่จะทำการโจมตีผู้เล่นอย่างรุนแรง พร้อมทำให้ผู้เล่นติด
ดีบัพซึ่งส่งผลให้ค่าพลังชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่อง หากอธิบายง่าย ๆ ก็คือติดสถานะเลือดออกต่อเนื่องนั่นแหละครับ แต่ความพิเศษมันอยู่ที่
ดีบัพนี้สามารถแพร่ไปสู่ผู้เล่นอื่นได้ในระยะที่กำหนด ถึงกระนั้นดีบัพนี้ก็ไม่ได้อยู่ถาวร เพราะมีระยะเวลาเพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้นเอง
แน่นอนว่า
หากออกจาก Raid Dungeon นี้ ดีบัพนี้ก็จะหายไปจากตัวผู้เล่นด้วย ทว่ากลับเกิดช่องโหว่ที่ไม่คาดคิดขึ้น สัตว์เลี้ยงที่ติดดีบัพจากสกิล Corrupted Blood ถ้าหากถูกเก็บไปในระหว่างการต่อสู้ เมื่อออกมาจาก Raid Dungeon และเรียกออกมาใหม่
ดีบัพนี้จะไม่หายไป! ส่งผลให้ดีบัพนี้แพร่กระจายไปทั่วเมือง แน่นอนว่าผู้เล่นมือใหม่ ผู้เล่นระดับกลางย่อมไม่สามารถทนต่อดีบัพอันแสนรุนแรงนี้ได้
จึงตายอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แม้แต่ NPC เองก็ยังไม่รอดติดดีบัพนี้เช่นกัน แต่ NPC ไม่มีวันตาย
ทำให้ NPC ที่ติดดีบัพกลายเป็นแหล่งแพร่ดีบัพแบบถาวรไปในที่สุดสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ
ดีบัพได้แพร่กระจายไปเรื่อย ๆ จากเมืองหนึ่งสู่อีกเมืองหนึ่งโดยที่ไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้ ถึงกระนั้นก็ยังมีบางเมืองที่ยังรอดจากโศกนาฏกรรมนี้อยู่บ้าง
ผู้เล่นทุกคนจึงร่วมมือกันปกป้องผู้อ่อนแอกว่าและย้ายไปอยู่ยังพื้นที่ปลอดภัย พร้อมกันนั้นยังคอยประกาศเตือนภัยเขตห้ามเข้า และพยายามกักกันดีบัพไม่ให้กระจายไปมากกว่านี้
ทว่าก็ยังมีผู้เล่นบางส่วนที่
ติดสนุกและไม่เห็นแก่ส่วนรวม พยายามหาทางเอาดีบัพพวกนี้ไปแพร่ในพื้นที่ต่าง ๆ ในโลก World of Warcraft เพื่อให้คนทั้งโลกนี้ตายด้วยดีบัพนี้กันให้หมด
ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ดีบัพนี้กระจายไปหาผู้เล่นคนอื่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงกระนั้นก็ยังดีที่ต่อมาทางผู้พัฒนาก็สามารถแก้ไขวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้ในที่สุด
สถานการณ์ปัจจุบันของ COVID-19 ก็ไม่ได้ต่างจากดีบัพ Corrupted Blood เลย ด้วยการที่เชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่จากคนสู่คนได้ผ่านทางอากาศ ระยะฟักตัวของไวรัสกว่าจะแสดงอาการคือ 2 ถึง 14 วันหลังจากได้รับเชื้อ อาการคือไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล และอาการอื่น ๆ ที่เป็นเหมือนไข้หวัดธรรมดา
แน่นอนว่ากระทรวงสาธารณสุขของเรามีมาตรการคัดกรองที่เข้มข้น รวมถึงมีการเฝ้าระวังความเป็นไปของโรคนี้ตลอดเวลา ทำให้ประเทศไทยเรามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ถ้าตรวจพบก็มักจะกักตัวเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะไปแพร่กระจายเชื้อต่อ ประกอบกับคนไทยเราสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองกันอย่างดี ทำให้สถานการณ์ดูเหมือนจะผ่านไปได้ดีและควบคุมได้
หากเปรียบเทียบกับ Corrupted Blood Incident ก็เหมือนกับผู้เล่นทุกคนที่ช่วยกันกักกันผู้ติดดีบัพ พยายามป้องกันไม่ให้ดีบัพกระจายไปมากกว่านี้ มีการประกาศเตือนผู้เล่นให้หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยง
ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีจนกระทั่ง...มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวต่างประเทศซึ่งเป็นแหล่งเสี่ยงของ COVID-19 มา เมื่อกลับมาถึงไทย เขาเริ่มมีอาการป่วยและไปโรงพยาบาล สิ่งที่เขาทำคือการ
ปกปิดข้อมูลการเดินทางของเขา กว่าจะยอมเปิดเผยข้อมูลออกมาก็ทำให้ทุกคนรอบตัว รวมถึงบุคลากรในโรงพยาบาลตกอยู่ในความเสี่ยงไปแล้ว และพอไปตรวจก็พบว่าติดเชื้อ COVID-19 อีก!! ทำให้เกิดความวุ่นวายกันไปหมด
หากเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ Corrupted Blood Incident ก็ไม่ต่างจากการที่
ผู้เล่นรับดีบัพมาแต่แอบซ่อนเอาไว้ไม่บอกใคร กว่าจะรู้ตัวดีบัพก็แพร่กระจายไปทั่วแล้ว
เราไม่อาจทราบได้ว่า
เขาสองคนนั้นมีวัตถุประสงค์อะไรในการปกปิดข้อมูล แต่ถ้าสองคนนั้นเป็นผู้เล่นในเกม World of Warcraft
เขาจะถูกกล่าวหาว่าเป็นแค่ผู้เล่นเกมนิสัยไม่ดี ที่ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม และพยายามจะทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนไปด้วย จริงอยู่ที่เราไม่รู้ว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร
แต่อย่าลืมว่าสังคมสามารถตัดสินคุณจากการกระทำได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องสอบถามความเห็นของคุณด้วยซ้ำว่าจะชอบหรือไม่
และหากเราติดตามโลกโซเชียลมีเดียมาซักระยะ
จะเห็นว่าแพ็คเกจทัวร์ประเทศกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ราคาลดลงมาก จนมีคนบางส่วนเลือกที่จะไปเที่ยวด้วยเหตุผลแค่ว่าราคามันถูก โดยไม่สนใจว่าเขาจะติดโรคกลับมาหรือไม่
หากเปรียบเทียบกับ Corrupted Blood Incident ก็ไม่ต่างอะไรจากผู้เล่นที่อยากไปเมืองที่กำลังมีการแพร่ของดีบัพอยู่ แต่ไม่สนใจคำเตือนของใคร มีแต่ความคิดอยากจะไปเท่านั้น สุดท้ายก็ติดดีบัพตายกลับมา ซ้ำร้ายอาจยังสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีก
เพราะแบบนี้ทาง CDC และ WHO ถึงได้สนใจที่จะนำกรณี Corrupted Blood Incident จากเกมนี้ไปศึกษาต่อ เพราะในยามที่เกิดโรคระบาดแบบนี้อาจมี
มนุษย์บางคนเผยพฤติกรรมอันน่ารังเกียจออกมา เช่น ในเมื่อฉันเป็นแล้ว แกก็ต้องเป็นไปกับฉันด้วย!! หรือ ตั๋วถูกแบบนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว!! เป็นโรคช่างมันเดี๋ยวค่อยรักษา เป็นต้น ดังนั้นปัจจัยสำคัญของปัญหา
Corrupted Blood Incident และ COVID-19 ที่เหมือนกันเลยคือสิ่งที่เรียกว่า "จิตสำนึกของมนุษย์"ต่อให้เราช่วยกันรณรงค์หรือป้องกันมากแค่ไหน
แต่ตราบใดที่ยังมีมนุษย์ไร้จิตสำนึกอยู่แบบนี้ ต่อให้เป็นดีบัพในเกมหรือโรคระบาดในโลกแห่งความจริง ก็ยากนักที่จะควบคุมและกักกันให้มันแพร่กระจายไปน้อยที่สุด ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้คือการ
ป้องกันตัวเองให้ดีที่สุดและช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่ตัวเองทำได้เท่านั้นเอง สิ่งหนึ่งที่ Corrupted Blood Incident ต่างจาก COVID-19 คือ
การรักษาและการป้องกัน Corrupted Blood Incident นั้นถูกแก้ไขได้อย่างรวดเร็วเพียงทำการรีเซ็ตเซิร์ฟเวอร์และอัปเดตแพทช์เข้ามาแก้ไขเป็นอันจบ ทุกคนหายจากดีบัพนี้และโลกในเกมก็กลับมาสงบสุข
แต่ COVID-19 ไม่ใช่แบบนั้น เรายังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันไวรัสชนิดนี้ได้ จริงอยู่ที่เราสามารถหายจากโรคนี้เองได้โดยการรักษาตามอาการ และมียาบางสูตรที่สามารถรักษาโรคนี้ได้หากจำเป็น
แต่ถ้าติดเชื้อกันเยอะมากจนเกินการควบคุม ความหายนะก็อาจมาเยือนได้ทุกเมื่อเหมือนกัน เพราะฉะนั้นทุกภาคส่วนถึงได้พยายามป้องกันการแพร่ระบาดยังไงล่ะครับ
จริงอยู่ที่ผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ทุกคนที่อ่านบทความนี้อยู่ก็เป็นมนุษย์ด้วยกันหมด
แต่จิตสำนึกของมนุษย์แต่ละคนไม่มีทางเหมือนกัน ผมเชื่อว่าผู้อ่าน
Mustplay ทุกท่านมีจิตสำนึกที่ดี และรู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำในสถานการณ์แบบนี้ การที่ผมยกประเด็น
Corrupted Blood Incident ขึ้นมาให้อ่านกันนั้นเป็นเพราะว่า
ทั้งสองเหตุการณ์นี้มีหลายสิ่งที่ความคล้ายคลึงกัน ทั้งเรื่องของการแพร่ระบาด มาตรการป้องกัน และพฤติกรรมของมนุษย์จากจิตสำนึกในยามเกิดวิกฤตการณ์แบบนี้
สุดท้ายนี้ผมขอทิ้งคำถามเอาไว้ 1 ข้อ
"คุณคิดว่าพฤติกรรมจากในเกม มันสามารถสะท้อนออกมาเป็นพฤติกรรมในโลกแห่งความจริงได้หรือไม่" ก่อนจากกันไปในบทความนี้ ผมขอให้ทุกท่านใช้ชีวิตกันอย่างระมัดระวัง ออกจากบ้านให้
ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง
ติดตามข่าวสารการดำเนินไปของโรคจากทางรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
คิดพิจารณาข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเท่านั้น และ
ป้องกันตัวเองไม่ให้เข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรือแออัดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือตลอดเวลาในช่วงนี้นะครับ
ขอให้ผู้อ่านทุกท่านสุขภาพแข็งแรงทุกคนครับ สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อนแล้ว สวัสดีครับ
อ่านชวนคุยเกมเมอร์ Episode ก่อนหน้าได้ที่นี่เลยจ้า